ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์คืออะไร ใช้งานในส่วนไหนได้บ้าง

รู้จักกับไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ วัสดุทดแทนไม้ที่นำมาตกแต่งใช้งานได้แทบจะทุกส่วนของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงานพื้น ผนัง ฝ้าเพดาน ระแนง รั้ว เชิงชาย อีกทั้งยังนำมาประยุกต์ตกแต่งได้มากมาย

“ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์” หนึ่งในวัสดุสำหรับตกแต่งบ้านที่สวยงาม ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนงานไม้ ดูแลง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกหรือแมลงมารบกวนใจ แต่ก่อนจะนำไปเลือกใช้ อยากให้ทำความรู้จักวัสดุนี้กันให้มากชึ้น ทั้งในเรื่องการผลิตและรูปแบบต่าง ๆ คุณสมบัติ การติดตั้ง ตลอดจนการใช้งานที่เหมาะสม

ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ แข็งแรง เหนียว ทน ปลวกไม่กิน ไม้เทียมวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ ผลิตจาก “ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ผสมกับซิลิก้าบริสุทธิ์” และ “เส้นใยเซลลูโลสคุณภาพสูง” นำมาผ่านการอบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้ได้ทั้งความแข็งแรงและความเหนียว ทนทานต่อแดด ทนฝน แรงกระแทก และด้วยส่วนผสมที่ไม่มีเนื้อไม้ปนอยู่ จึงไม่เป็นอาหารของปลวก ดูแลรักษาง่ายกว่าไม้จริง กระบวนการผลิตไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์แบ่งได้เป็น 2 ระบบคือ ระบบ Hatschek และระบบ X-Trusion ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบผลิตภัณฑ์

1.ระบบ Hatschek เป็นการขึ้นรูปด้วยลูกอัดทีละรอบจนได้ความหนาที่ต้องการ ต้องใช้เส้นใยยาวซึ่งสามารถผลิตวัสดุแผ่นหน้ากว้างได้ รูปแบบวัสดุที่ได้จะเป็นแบบตันทั้งชิ้น

2.ระบบ X-Trusion ใช้แม่พิมพ์ขึ้นรูป โดยใช้เส้นใยสั้นพร้อมผสมสารพิเศษช่วยเรื่องการขึ้นรูป รูปแบบวัสดุที่ผลิตได้จะมีข้อจำกัดเรื่องหน้ากว้าง แต่ได้เปรียบเรื่องความสม่ำเสมอ ทั้งยังเล่นระดับสูงต่ำของผิวหน้าได้มากจึงขึ้นรูปได้หลากหลาย เล่นลูกเล่นได้มากกว่า

ภาพ: ตัวอย่างรูปแบบวัสดุที่ขึ้นรูปด้วยระบบ Hatschek เช่น พื้นตกแต่ง เอสซีจี รุ่นเซฟเวอร์, พื้นตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ที-คลิปชิลด์, ไม้ฝา เอสซีจี, ไม้รั้ว เอสซีจี และไม้ระแนง เอสซีจี

ภาพ: ตัวอย่างวัสดุที่ขึ้นรูปด้วยระบบ X-Trusion เช่น วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นซี-ชาแนล, วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นบัวผนัง, ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นโมดิน่า และไม้เชิงชาย เอสซีจี วันพีซ

ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์มีผิวเรียบและผิวลายไม้เลียนแบบลายไม้ธรรมชาติ ผิวสัมผัสของไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ สามารถทำให้ใกล้เคียงลายไม้จริงตามธรรมชาติได้ โดยมีให้เลือกทั้งผิวเรียบและผิวลายไม้ ทั้งยังมีหลายสีให้เลือกใช้หรือทาสีต่าง ๆ ได้ การติดตั้งจะยึดไม้เทียมด้วยสกรู (ตะปูเกลียว) เข้ากับโครงสร้างตามลักษณะการใช้งาน เช่น ยึดกับตง ยึดกับโครงคร่าว (ต่างกับการติดตั้งไม้จริงที่สามารถใช้ตะปูตอกได้ในกรณีที่มีโครงสร้างเป็นไม้) โดยโครงสร้างที่ว่านี้ ต้องเป็นวัสดุที่แข็งแรง ได้มาตรฐาน และติดตั้งตามระยะที่คู่มือกำหนด

ภาพ: ผิวสัมผัสของไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ มีให้เลือกทั้งผิวเรียบและผิวลายไม้ มีหลายสีให้เลือกใช้

มีให้เลือกทั้งแบบสีรองพื้น สีซีเมนต์ และแบบสีสำเร็จจากโรงงาน ผลิตภัณฑ์ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ จะมีการเคลือบสีน้ำอะคริลิกด้วยระบบพ่นสีจากโรงงาน ที่สามารถนำไปใช้งานได้โดยไม่ต้องทาสีทับ (มีเพียงงานเก็บสีบริเวณหัวสกรู หรือขอบรอยต่อ/รอยตัดเล็กน้อย) โดยมีเฉดสีต่าง ๆ ในโทนสีไม้ให้เลือกมากมาย แต่หากต้องการทาสีตกแต่งเองสามารถเลือกไม้เทียมรุ่นสีซีเมนต์หรือรุ่นสีรองพื้น เพื่อนำไปทาด้วยสีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือสีทาไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์โดยเฉพาะได้ตามต้องการ *แนะนำให้ศึกษาการทาสีและการเก็บงานหัวสกรูหรือการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดได้จากคู่มือการติดตั้ง

ภาพ: ตัวอย่างไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์รุ่นสีซีเมนต์ และรุ่นสีรองพื้นครีม

ภาพ: ตัวอย่างไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์รุ่นสีสำเร็จจากโรงงาน

เหมาะสำหรับงานตกแต่งได้แทบทุกส่วนของบ้าน แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้าง ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับงานตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของบ้านหรืออาคารได้หลายส่วน ตั้งแต่งานพื้น ฝาผนัง ฝ้า ระแนง รั้ว และไม้ตกแต่งต่างๆ แต่ไม่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนของโครงสร้างอย่าง คาน ตง จันทัน แป ฯลฯ ได้เหมือนกับการใช้งานไม้เนื้อแข็ง ดังนั้น จึงควรใช้งานและติดตั้งตามคู่มือที่ผู้ผลิตแนะนำเท่านั้น ทั้งนี้ จะขอยกตัวอย่างไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ เอสซีจี แต่ละรุ่น แต่ละขนาดความหนาที่เหมาะกับการใช้งานต่าง ๆ ดังนี้

  • ไม้พื้น เอสซีจี หนา 25 มม. เหมาะกับงานตกแต่งพื้นระเบียง ชานนั่งเล่นนอกบ้าน รวมถึงพื้นรอบสระว่ายน้ำ
  • ไม้ฝา เอสซีจี หนา 8 มม. เหมาะกับงานตกแต่งผนังทั้งภายในและภายนอกบ้าน
  • ไม้บังตา เอสซีจี หนา 12 มม. เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังแดด แผงบังตา
  • ไม้รั้ว เอสซีจี มีความหนา 3 ขนาด คือ 12, 16 และ18 มม. เหมาะกับใช้ทำระแนงรั้ว แผงบังแดด และแผงบังตา
  • ไม้ระแนง เอสซีจี หนา 8 มม. ใช้สำหรับทำระแนงฝ้าชายคา
  • ไม้ตกแต่งเอสซีจี รุ่นไลน์ ขนาดหน้าตัด 1 x 2 นิ้ว เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังตา แผงบังแดด หรือระแนงตกแต่งผนัง
  • ไม้เชิงชาย เอสซีจี มีความหนาตั้งแต่ 16, 18 และ 24 มม. เหมาะสำหรับงานไม้เชิงชายโดยเฉพาะ

ภาพ: ไม้พื้น เอสซีจี เหมาะกับงานตกแต่งพื้นระเบียง ชานนั่งเล่นนอกบ้าน รวมถึงพื้นรอบสระว่ายน้ำ

ภาพ: ไม้ฝา เอสซีจี เหมาะกับงานตกแต่งผนังทั้งภายในและภายนอกบ้าน

ภาพ: ไม้บังตา เอสซีจี เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังแดด แผงบังตา

ภาพ: ไม้รั้ว เอสซีจี เหมาะกับใช้ทำระแนงรั้ว แผงบังแดด และแผงบังตา

ภาพ: ไม้ระแนง เอสซีจี ใช้สำหรับทำระแนงฝ้าชายคา หรือตกแต่งใต้หลังคากันสาดโปร่งแสง

ภาพ: ไม้ตกแต่งเอสซีจี รุ่นไลน์ ขนาดหน้าตัด 1 x 2 นิ้ว เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังตา แผงบังแดด หรือระแนงตกแต่งผนัง

ภาพ: ไม้เชิงชาย เอสซีจี เหมาะสำหรับงานไม้เชิงชายโดยเฉพาะ

นอกจากไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ใช้ทดแทนไม้ในส่วนต่างๆ ของบ้านแล้ว ยังมีวัสดุตกแต่งรูปแบบอื่นที่ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามหรือทดแทนวัสดุอื่นอีก เช่น

  • วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นซี-ชาแนล ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ แทนการใช้เหล็ก C-Channel
  • วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นบัวผนัง ตกแต่งเพิ่มมิติให้กรอบประตู-หน้าต่าง หรือประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มลูกเล่นและความสวยงาม
  • ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นโมดิน่า เพิ่มมิติให้ผนังดูน่าสนใจมากขึ้น

ภาพ: วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นซี-ชาแนล ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ แทนการใช้เหล็ก C-Channel

ภาพ: วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นบัวผนัง ตกแต่งเพิ่มมิติให้กรอบประตู-หน้าต่าง หรือประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มลูกเล่นและความสวยงามให้งานผนัง รั้ว หรือฟาซาดอาคาร

ภาพ: ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นโมดิน่า เพิ่มมิติให้ผนังดูน่าสนใจมากขึ้น

ภาพ: แสดงการใช้งานของไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ได้แทบทุกส่วนของบ้าน

ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ มีคุณสมบัติต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีราคาถูกกว่าไม้จริง ดูแลรักษาง่ายกว่า ไม่ต้องทาน้ำยารักษาเนื้อไม้เป็นประจำเหมือนการใช้ไม้จริง ในเรื่องอายุการใช้งานยาวนานไม่น้อยกว่า 10 ปีขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม ทั้งนี้หากเกิดความเสียหายบนพื้นผิวไม้เทียม อาจจะทำให้เห็นเนื้อวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ภายในที่เป็นคนละสีกับผิวไม้ (สามารถซ่อมแซมตกแต่งผิวได้) รวมถึงมีข้อจำกัดเรื่องขนาดและความยาวซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละราย

กระเบื้องพอร์ซเลนกับแกรนิตโต้ต่างกันอย่างไร ใช้ในงานอินทีเรียส่วนใดได้บ้าง

กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ เป็นวัสดุกรุพื้นผนังที่ทนทานและมีลวดลายหลากหลาย สามารถนำไปใช้กับพื้นที่หลายประเภท บทความนี้จึงขอแชร์แนวทางการตกแต่งภายในด้วยกระเบื้องสองประเภทนี้ในงานอินทีเรียส่วนต่างๆ

กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้คืออะไร ต่างกันอย่างไร กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tile) และกระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito Tile) คือกระเบื้องเซรามิกประเภทหนึ่ง เผาด้วยความร้อนสูง มีความแข็งแรงทนทานกว่ากระเบื้องดินเผาทั่วไป มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ จึงสามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน ความแตกต่างของกระเบื้องสองชนิดนี้ ข้อแรกคือส่วนผสมของวัสดุ กระเบื้องพอร์ซเลนจะผลิตจากดินขาวเป็นหลัก ทำให้เนื้อกระเบื้องแน่นละเอียดและรูพรุนน้อย ส่วนกระเบื้องแกรนิตโต้จะมีผงหินแกรนิตผสม ทำให้มีความแข็งคล้ายหินแกรนิต โดยกระเบื้องทั้งสองประเภทนี้มีความแข็งแรงทนทานใกล้เคียงกัน ข้อสองคือ เนื้อกระเบื้องและผิวหน้าของรุ่นแกรนิตโต้จะเป็นเนื้อเดียวกัน เวลากะเทาะจึงสังเกตเห็นได้ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นสีเรียบ หรือเฉดสีธรรมชาติของวัสดุ เช่น หิน ปูน ส่วนพอร์ซเลนจะมีลวดลายหลากหลายกว่า เช่น ลายไม้หรือลายพิมพ์อื่น ๆ เนื้อกระเบื้องมีทั้งแบบใกล้เคียงผิวหน้าและแบบต่างกับผิวหน้า ถ้ากะเทาะจะสังเกตเห็นง่ายกว่าแกรนิตโต้ โดยทั้งสองประเภทจะมีการทำผิวหน้าแบบหยาบ แบบเงา และกึ่งเงาได้เหมือนกัน

กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ใช้ในงานตกแต่งภายในส่วนใดได้บ้าง ในส่วนของงานอินทีเรียนั้น สามารถนำกระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ไปประยุกต์ใช้ได้เกือบทุกส่วน เพียงแค่ต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในแต่ละพื้นที่

ภาพ: พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายไม้ในห้องนั่งเล่น

ภาพ: พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนในห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ถือเป็นจุดแรกที่สะท้อนสไตล์การตกแต่งที่สำคัญ การเลือกกระเบื้องก็ควรจะเชื่อมโยงกับงานอินทีเรียโดยรวม หากโทนหลักของบ้านเป็นการตกแต่งแนวลอฟต์หรืออินดัสเทรียล ก็อาจเลือกใช้กระเบื้องลายปูนหรือกระเบื้องลายไม้ที่มีกลิ่นอายกลมกลืนกัน ตรงกันข้าม…หากสไตล์หลักของบ้านคือโมเดิร์นมินิมอล เน้นความโปร่งโล่งสบายตา ก็อาจเลือกใช้กระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวหรือสีโทนอ่อนอื่น ๆ แทน จุดเด่นอย่างหนึ่งของกระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ก็คือมีลายสวยงามเหมือนหินธรรมชาติให้เลือกเยอะ ให้ความความหรูหราในราคาที่ถูกกว่าการใช้หินจริง

ภาพ: พื้นกระเบื้องพอร์ชเลนลายไม้ภายในห้องนอน

ห้องนอน ควรเสริมบรรยากาศที่นุ่มนวลผ่อนคลายมากกว่าห้องนั่งเล่น ไม่มีกฎเกณฑ์ในการเลือกตายตัว แต่ไม่ควรเลือกผิวกระเบื้องที่มันวาวมาก เพราะอาจสะท้อนแสงหลอดไฟจ้าตาในเวลากลางคืนได้ ด้านพื้นสัมผัสก็ไม่ควรเลือกแบบที่มี Texture หยาบกระด้างเกินไป เพราะอาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายเท้าเวลาเหยียบ

ภาพ: พื้นและผนังกระเบื้องแกรนิตโต้ภายในห้องน้ำ

ห้องน้ำ เนื่องจากกระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ในงานตกแต่งห้องน้ำ ทั้งการปูพื้นและผนัง สามารถเลือกใช้เป็นลายและสีเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ มีข้อควรระวังสำหรับกระเบื้องพื้นในส่วนเปียก เช่น ห้องชาวเวอร์ ไม่ควรเรียบและเงาเกินไป เพราะเมื่อโดนน้ำจะลื่นได้ง่าย ควรเลือกผิวสัมผัสที่หยาบหน่อยเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน

ภาพ: พื้นและผนังกระเบื้องแกรนิตโต้ลาย Terrazzo

ภาพ: พื้นกระเบื้องพอร์ชเลนลายไม้ในห้องครัว

ภาพ: ท็อปเคาน์เตอร์กระเบื้องเซรามิกขนาดใหญ่พิเศษ GRANDE COLLECTION จาก COTTO

ห้องครัว เป็นส่วนที่นิยมปูกระเบื้องพื้นอยู่แล้ว เพราะทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะเหมือนวัสดุประเภทอื่น การเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้จึงเป็นการเพิ่มความทนทาน เพราะรับน้ำหนักได้ดีกว่าและทนต่อรอยขูดขีด นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการผลิตกระเบื้องแผ่นใหญ่ ที่สามารถประยุกต์นำมาทำท็อปเคาน์เตอร์ได้ด้วย

ภาพ: การแบ่งลายกระเบื้องตามพื้นที่ใช้สอย

ภาพ: การแบ่งลายกระเบื้องตามพื้นที่ใช้สอย

พื้นที่ที่มีหลายฟังก์ชันเชื่อมต่อกัน เช่น ห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับส่วนเตรียมอาหาร หรือห้องนอนที่เชื่อมต่อกับส่วนแต่งตัวโดยไม่มีประตูกั้น สามารถดีไซน์แบ่งลายกระเบื้องเพื่อแบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยให้ชัดเจนขึ้น ทั้งยังเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้มีความน่าสนใจ ด้วยการต่อลายกระเบื้องที่แตกต่างกัน เช่น กระเบื้องลายไม้ต่อกับกระเบื้องลายหิน ข้อดีคือไม่จำเป็นต้องมีคิ้วกั้นรอยต่อวัสดุหมือนกับการปูไม้ต่อกับหินจริง ๆ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากลง กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ถือว่าเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งความสวยงาม ทนทาน และความคุ้มค่า ใช้ได้กับพื้นที่เกือบทุกส่วน ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมสูง แต่เนื่องจากเนื้อกระเบื้องมีความแข็งมาก ไม่เหมาะกับการตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพราะอาจทำให้กระเบื้องแตกได้ ดังนั้นควรประเมินผังการปูกระเบื้องให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ SCG คุ้มไหม…ไฟก็ฟรี ขายคืนภาครัฐก็ได้ ?

ทำความรู้จักหลังคาโซลาร์เซลล์ระบบต่างๆ และแนวคิดในการพิจารณาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม คุ้มค่า

จะดีแค่ไหน ถ้าแดดอันแสนร้อนแรงจะถูกแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ในเมื่อบ้านเราเป็นเมืองร้อนแดดแรงไม่ปราณีใคร ก็น่าจะได้ไฟใช้ฟรีกันง่ายๆ แถมถ้าเหลือยังขายไฟคืนภาครัฐได้เงินใช้อีก มองแบบนี้มีแต่คุ้มกับคุ้มติดต่อ SCGHOME.COM มาสำรวจหน้างานเพื่อเตรียมติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ SCG กันเลยดีหรือไม่ ? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กระจ่างกัน

ทำความรู้จักระบบหลังคาโซลาร์เซลล์กันก่อน โดยทั่วไปการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน จะมีอยู่ 3 ระบบ ดังนี้

  1. โซลาร์เซลล์ระบบ Off-Grid พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแสงอาทิตย์จะส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยไม่มีการเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า หากปราศจากแสงอาทิตย์ก็จะไม่มีไฟฟ้าใช้ (เว้นแต่จะมีแบตเตอรีไว้สำรองไฟ) เหมาะกับบ้านในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งระบบของการไฟฟ้าเชื่อมต่อไม่ถึง
  2. โซลาร์เซลล์ระบบ On-Grid เหมาะกับบ้านทั่วไปที่มีการเชื่อมต่อกับระบบของการไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยในเวลากลางวัน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจะนำไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์มาใช้ แต่เมื่อถึงเวลาที่แสงอาทิตย์โดนบดบัง หรือในเวลากลางคืน ระบบจะนำเอาไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้แทน
  3. โซลาร์เซลล์ระบบ Hybrid มีการเชื่อมต่อกับระบบของการไฟฟ้า เช่นเดียวกับระบบ On Grid เพียงแต่จะมีแบตเตอรีเป็นอุปกรณ์เสริม กรณีไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์เซลล์มีเกินกว่าความต้องการใช้งาน ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปเก็บไว้ในแบตเตอรีเพื่อสำรองไว้ใช้ในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เหมาะกับบ้านที่มีปัญหาไฟดับบ่อย เช่น หัวเมืองที่ขยายตัวรวดเร็วจนการไฟฟ้าจ่ายไฟได้ไม่สม่ำเสมอ แบตเตอรีสำรองจะช่วยจ่ายไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์จำเป็นเพื่อให้สามารถใช้งานได้แม้ขณะไฟดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลากลางคืน

ภาพ: เปรียบเทียบหลักการทำงานของระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ ทั้ง 3 ระบบ

แล้วบ้านเราติดหลังคาโซลาร์เซลล์ แบบไหนถึงจะคุ้ม หากเป็นบ้านทั่วไปที่ใช้ไฟจากการไฟฟ้าได้ตามปกติอยู่แล้ว จะเหมาะกับหลังคาโซลาร์เซลล์ระบบ On Grid แต่ข้อสำคัญคือ ควรจะมีการใช้ไฟในช่วงกลางวันในปริมาณมาก (มีการเปิดแอร์อย่างน้อย 1 ตัว) และค่าไฟเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บ. จึงจะคุ้มค่ากับการลงทุนติดตั้งระบบ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาคืนทุน ประมาณ 7-10 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า (ดูรายละเอียดและดาวน์โหลดตารางแพ็กเกจ “หลังคาโซลาร์เซลล์ SCG” คลิก) ส่วนใครที่มองว่า ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ทั้งที เลือกระบบ Hybrid น่าจะคุ้มกว่า จะได้สำรองไฟไว้ในแบตเตอรีเผื่อใช้งานตอนกลางคืนด้วย ช่วยประหยัดค่าไฟได้เพิ่มขึ้นอีก ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแบตเตอรีในปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) ยังคงมีราคาสูง พอมาเทียบกันแล้ว การใช้ไฟจากการไฟฟ้าภาครัฐในเวลากลางคืนดูจะคุ้มค่ากว่า เพราะแบตเตอรียิ่งใช้งานมากยิ่งเสื่อมเร็ว ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอาจไม่คุ้ม ดังนั้น การใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรีของระบบ Hybrid จะเหมาะกับการสำรองไฟไว้ใช้ในยามฉุกเฉินสำหรับบ้านที่ปัญหาไฟดับบ่อยๆ ดังที่เล่าไปในตอนต้น

ภาพ: ตัวอย่างแบตเตอรีสำรองไฟ ของหลังคาโซลาร์เซลล์ระบบ Hybrid

ขายไฟคืนภาครัฐได้ ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าอีกทางจริงหรือไม่  หากโซลาร์เซลล์ผลิตไฟเกินปริมาณที่เราใช้ในเวลาก็สามารถขายคืนภาครัฐได้ โดยเงื่อนไขการรับซื้อคืนในแต่ละปี จะเป็นไปตามประกาศจากการไฟฟ้าภาครัฐ ซึ่งต้องตรวจสอบเป็นระยะ แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคาต่อหน่วยที่การไฟฟ้าภาครัฐรับซื้อคืน จะต่ำกว่าราคาค่าไฟจากการไฟฟ้าที่เราจ่ายกันตามปกติ และสำหรับปี พ.ศ. 2565 การไฟฟ้าจะรับซื้อคืนเฉพาะโซลาร์เซลล์ระบบ On Grid เท่านั้น ทั้งนี้ การขายไฟฟ้าคืนภาครัฐเป็นเพียง “ผลพลอยได้” แต่ไม่ใช่ปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาความคุ้มค่าในการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เพราะโดยหลักแล้วการติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้คุ้มค่าที่สุด ก็คือ การนำแสงอาทิตย์ ณ ช่วงเวลานั้นๆ มาแปลงเป็นพลังงานใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีเพื่อทดแทนการใช้ไฟจากการไฟฟ้าภาครัฐในตอนกลางวันให้ได้มากที่สุด ดังนั้น บ้านที่ติดตั้งหลังคาควรมีการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันเป็นปริมาณมาก เช่น เปิดแอร์เป็นเวลานาน ส่วนในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน แนะนำให้ใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าภาครัฐตามตามปกติ (กรณีมีแบตเตอรี ควรใช้เพื่อสำรองเวลาไฟดับเท่านั้น)

ภาพ: ตัวอย่างการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ เอสซีจี (SCG Solar Roof)

 

เคล็ดลับติดตั้งฝ้าให้กู้ดจ๊อบแบบช่างตัวท็อป

หลักการติดตั้งฝ้าให้แข็งแรงสวยงาม ตั้งแต่การเลือกวัสดุโครงคร่าวฝ้าเพดานที่ได้มาตรฐาน การยึดฝ้าและตกแต่งรอยต่อ รอยหัวสกรู การฉาบ ทาสี รวมถึงการตกแต่งขอบฝ้าด้วยบัว

จุดประสงค์หลักของฝ้าเพดานคือต้องการปกปิดงานระบบต่าง ๆ ที่ยุ่งเหยิงภายใต้หลังคาและใช้เป็นพื้นที่รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งส่วนของฝ้าเพดานเองก็จำเป็นจะต้องมีความสวยงามเช่นกัน เพราะเป็นจุดที่กว้างและสามารถมองเห็นได้ทั้งบ้าน ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้กับ “เคล็ดวิชาติดตั้งฝ้าให้กู้ดจ๊อบแบบช่างตัวท็อป” มีอะไรบ้างไปดูกัน!

1) วัสดุโครงคร่าวฝ้าเพดานต้องได้มาตรฐาน จุดสำคัญของการติดตั้งงานโครงคร่าวฝ้าเพดานคือวัสดุที่ใช้ทำโครงคร่าวฝ้าต้องมีความแข็งแรง ทนทาน ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ทนต่อการเกิดสนิม และได้มาตรฐานทุกชิ้น ติดตั้งในระยะความถี่เพียงพอที่จะไม่ส่งผลให้เกิดการแอ่น

ภาพ: โครงคร่าว TOPSTEEL ได้รับการออกแบบและทดสอบโดยคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัย แข็งแรงทนทาน ได้มาตฐาน ทนต่อการเกิดสนิม เหมาะสำหรับฝ้าเพดานฉาบเรียบทุกพื้นที่ เช่น บ้านพักอาศัย ห้องพัก พื้นที่สาธารณะในอาคาร พื้นที่ฝ้าเพดานผืนใหญ่ ฝ้าทางเดิน ฝ้าชายคา โรงจอดรถ

2) หัวสกรูต้องเรียบไปกับแผ่นฝ้า ไม่ควรใช้การยิงรีเวท (Rivet) เป็นตัวยึดฝ้าเพราะลูกรีเวทจะไม่ยุบลงไป เวลาเก็บงานต้องทำหลายขั้นตอน จึงควรใช้สกรูยิงยึด เพราะสามารถยิงให้หัวสกรูจมลึกลงไปในแผ่นฝ้าโดยไม่มีหัวสกรูโผล่ขึ้นมาได้ แผ่นฝ้าจะเรียบเสมอกันและยังง่ายต่อการเก็บงานฉาบรอยต่อและทาสี

3) โป๊วปิดรอยสกรูให้เรียบ หัวสกรูที่จมลงไปจะทำให้เกิดหลุม ถ้าอุดโป๊วไม่ดีจะทำให้เห็นหลุมและอาจเกิดรอยร้าวได้ วิธีการเก็บรูหัวสกรูให้เรียบร้อย สามารถใช้ปูนฉาบสกิมโค้ทที่มีคุณสมบัติขัดเก็บงานได้ง่ายหลังแห้ง หรือวัสดุอุดโป๊วชนิดอื่น ๆ ที่เนื้อผิวไม่ยุบตัว ไม่แตกหรือหลุดล่อน ขัดง่ายและทาสีทับได้

ภาพ: ปิดรอยต่อของแผ่นฝ้า

4) ใช้เทปปิดรอยต่อของแผ่นฝ้าเพดาน การฉาบโป๊วรอยต่อเพียงอย่างเดียวจะได้ผลดีในระยะสั้นเท่านั้น เมื่อผ่านการใช้งานไปนานวัน รอยโป๊วระหว่างรอยต่อจะเกิดการแตกตัว ส่งผลให้ฝ้าเพดานเกิดเส้นรอยต่อขึ้นภายหลัง จึงต้องมีการปิดรอยต่อระหว่างแผ่นด้วยผ้าเทป จากนั้นฉาบรอยต่อแผ่นด้วยปูนฉาบเป็นรอบที่ 2 หากยังเห็นเทปอยู่ก็ฉาบทับรอบที่ 3 วิธีนี้เป็นหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยปกปิดรอยต่อฝ้าเพดานได้เรียบสนิท

5) ฉาบให้เรียบขัดให้เนียน ปกติช่างทำฝ้าก็จะใช้ปูนยิปซัมฉาบปิดรอยต่อฝ้าเพดานทุกแนวรวมทั้งรอยหัวสกรูที่ยิงยึดฝ้า หลังจากฉาบเสร็จต้องปล่อยให้แห้งอย่างน้อย 1 วัน แล้วจึงใช้กระดาษทรายขัดแต่งรอยปูนยิปซัมให้เรียบเนียนที่สุดก่อนที่จะทาสีทับฝ้าเพดาน

6) ใช้สีสำหรับฝ้าเพดาน สีทาฝ้าเพดานมีแยกเฉพาะต่างหาก หากสังเกตที่กระป๋องสีจะระบุว่าเป็นสีสำหรับทาฝ้าเพดาน หรือมีภาษาอังกฤษคำว่า Ceiling เขียนอยู่ ช่วยพรางตาปกปิดรอยต่อของฝ้าเพดานได้ดี ทําให้ฝ้าเพดานดูเรียบเนียนเป็นผืนเดียวกัน ไม่เห็นเป็นคลื่น

7) ปิดขอบฝ้าด้วยบัวฝ้าเพดาน การติดตั้งบัวฝ้าเพดานบริเวณขอบฝ้าอีกชั้น นอกจากจะช่วยให้เส้นสายฝ้าเพดานเรียบสวยขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การปัดกวาดทำความสะอาดภายหลังง่ายขึ้นอีกด้วย

ภาพ: บัวฝ้าเพดาน

จะเห็นว่า การติดตั้งฝ้าเพดานมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องใส่ใจ ทั้งการยึด การตกแต่งรอยต่อ การฉาบ รวมไปถึงการตกแต่งบัวเพื่อให้ดูสวยงาม ทำความสะอาดง่าย อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจก็คือ การเลือกใช้โครงคร่าวฝ้าเพดานที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน คงทนแข็งแรง ไม่ตกท้องช้าง เพื่อความปลอดภัยและส

ภาพ: โครงคร่าว TOPSTEEL

4 วิธีป้องกันและฆ่าเชื้อในบ้าน ให้สบายใจห่างไกลเชื้อโรค

แนะแนวทางห่างไกลเชื้อโรค กับการฆ่าเชื้อในบ้านด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ การอบโอโซน การดูดไรฝุ่น ไปจนถึงการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าบ้านโดยใช้ระบบปรับคุณภาพอากาศอย่าง Active Air Quality

วลีที่มักพูดกันติดปากว่า “สมัยนี้เชื้อโรคมันเยอะ” อาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อลดความเสี่ยงที่คนในครอบครัวจะโดนเชื้อโรคเล่นงานจนเจ็บป่วย SCG Home จึงขอนำเสนอทั้งวิธีกำจัดและป้องกันเชื้อโรคในบ้าน มาให้เจ้าของบ้านทำความเข้าใจก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้แนวทางใดแนวทางหนึ่ง

1) การฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบ้าน เป็นการใช้น้ำยาที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคมาฉีดพ่นทั่วพื้นที่บ้าน บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อหลักๆ จะมีทั้ง “แบบละอองน้ำยา” กับอีกแบบคือ “พ่นควันฆ่าเชื้อ” (Fogging) หากเทียบในภาพรวม การพ่นควันฆ่าเชื้อจะไม่สร้างความชื้นในอากาศ มักเข้าถึงทุกซอกมุมได้ดีกว่าแบบละอองน้ำยา แต่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

ภาพ: ตัวอย่างบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบ้านแบบละอองน้ำยา

ทั้งนี้ ผู้ให้บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อแต่ละแห่งอาจใช้น้ำยาที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ส่งผลต่อข้อจำกัด ชนิดของเชื้อโรคและระยะเวลาที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หลังฉีดพ่น รวมไปถึงความสะดวกในเตรียมตัวก่อนหลังรับบริการ ยกตัวอย่าง การพ่นควันฆ่าเชื้อที่ใช้น้ำยาระดับ Food Grade บางชนิด ก่อนฉีดพ่นไม่จำเป็นต้องเก็บหรือคลุมสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังสามารถเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ได้ และไม่ต้องเช็ดพื้นผิวหลังฉีดพ่น (แต่หากละอองน้ำยาโดนจานชาม แม้ทานเข้าไปจะไม่อันตราย แต่ก็ควรล้างก่อนใช้เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารเปลี่ยน)

2) การอบโอโซนฆ่าเชื้อในบ้าน หลักการทำงาน คือ ใช้เครื่องมือที่ทำให้เกิดโอโซน (O3) ในอากาศ โดยอะตอมออกซิเจนตัวที่ 3 ของโอโซน จะทำการจับกับโมเลกุลของเชื้อโรค สารปนเปื้อน ต่างๆ และทำลายโครงสร้างของโมเลกุลเหล่านั้น จึงกำจัดได้ทั้งเชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับเนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง ปัสสาวะ กลิ่นบุหรี่ เป็นการปรับสภาพอากาศในห้องให้บริสุทธิ์มากขึ้น

ภาพ: ตัวอย่างอุปกรณ์และบริการอบโอโซนฆ่าเชื้อ

3) การดูดไรฝุ่น ไรฝุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นคัน ภูมิแม้ มักแฝงอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าโดยเฉพาะที่นอน โซฟา และอาจรวมไปถึงพรม ผ้าม่านด้วย เจ้าของบ้านบางท่านอาจเคยซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นมาลงมือกำจัดด้วยตัวเอง ซึ่งก็อาจกำจัดได้เพียงส่วนน้อย เพราะการดูดไรฝุ่นเชิงลึกและกำจัดเชื้อโรค ฝุ่น สิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ฝังอยู่ให้สะอาดอย่างจริงจัง ต้องพึ่งวิธีการและอุปกรณ์ของมืออาชีพโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น

  • ไรฝุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นคัน ภูมิแม้ มักแฝงอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าโดยเฉพาะที่นอน โซฟา และอาจรวมไปถึงพรม ผ้าม่านด้วย เจ้าของบ้านบางท่านอาจเคยซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นมาลงมือกำจัดด้วยตัวเอง ซึ่งก็อาจกำจัดได้เพียงส่วนน้อย เพราะการดูดไรฝุ่นเชิงลึกและกำจัดเชื้อโรค ฝุ่น สิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ฝังอยู่ให้สะอาดอย่างจริงจัง ต้องพึ่งวิธีการและอุปกรณ์ของมืออาชีพโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น
  • การทำความสะอาดโซฟา โดยใช้โฟมหรือน้ำยาชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติจับกับไรฝุ่น สิ่งสกปรก คราบเปื้อน และทำให้ตกผลึกก่อนจะใช้แปรงปัดออก
  • การทำความสะอาดม่านและพรม ด้วยเครื่องเก็บฝุ่นระบบน้ำและผงทำความสะอาดชนิดพิเศษที่สามารถซึมซับสิ่งสกปรก จากนั้นจึงใช้แปรงปัดออก

ภาพ: ตัวอย่างบริการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคและดูดไรฝุ่นที่นอน โซฟา พรม และม่าน โดยมืออาชีพ

ภาพ: ตัวอย่างเปรียบเทียบปริมาณไรฝุ่น ก่อน (ซ้าย) และหลัง (ขวา) เมื่อใช้บริการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคและดูดไรฝุ่นที่นอนโดยมืออาชีพ

4) การกรองอากาศเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าบ้าน เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรครวมถึงฝุ่นควันจากภายนอกเข้ามาในบ้านตั้งแต่แรก โดยผ่านระบบที่มีอุปกรณ์กรอง ยกตัวอย่างเช่น “ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน SCG Active Quality” ที่ใช้หลักการคือ นำอากาศจากภายนอกมาผ่านเครื่องกรองอากาศเพื่อให้ได้อากาศดี (ที่ปราศจากเชื้อโรค ฝุ่น ควัน) ก่อนจะนำเข้าสู่ตัวบ้าน ในขณะเดียวกันอากาศดีที่เข้ามาก็จะดันเอาอากาศเสียในบ้านออกไป อากาศจึงถ่ายเทได้ตลอดขณะที่บ้านปิดมิดชิด ช่วยลดความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค และยังเป็นการเพิ่มออกซิเจนในบ้านด้วย

ภาพ: หลักการทำงานของระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน SCG Active Air Quality ที่มีอุปกรณ์กรองอากาศให้ปราศจากฝุ่นและเชื้อโรคก่อน จึงค่อยนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในบ้าน

แม้เราจะกังวลกันว่าสมัยนี้เชื้อโรคมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็ยังสบายใจได้ว่าบรรดาผู้ให้บริการมืออาชีพต่างก็มีเทคโนโลยีพร้อมอุปกรณ์ทันสมัยมาตามป้องกันหรือกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งเจ้าของบ้านเอง ก็อาจหาอุปกรณ์ที่ช่วยฆ่าเชื้อในบ้านมาใช้งานเบื้องต้นได้ไม่ว่าจะเป็น ชุดอุปกรณ์กระจายน้ำหอมที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ พรมทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นรองเท้า เป็นต้น รวมไปถึงอุปกรณ์ยอดฮิตอย่างเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อโรคและฝุ่นได้แตกต่างกันไป

ภาพ: อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเรื่องการฆ่าเชื้อในบ้าน ได้แก่ พรมฆ่าเชื้อ (บน) ชุดอุปกรณ์กระจายน้ำหอมฆ่าเชื้อในบ้าน (ล่างซ้าย) และอุปกรณ์ที่ช่วยให้อากาศในบ้านบริสุทธิ์ขึ้นอย่างเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีความสามารถในการกำจัดฝุ่น เชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ได้แตกต่างกันไป

 

9 ฟังก์ชันใช้สร้างบ้าน/ใช้งาน ด้วยแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี

 

รวบรวมการใช้งานสร้างบ้านด้วยแผ่นสมาร์ทบอร์ด จะเป็นแผ่นฝ้าสมาร์ทบอร์ด ผนังสมาร์ทบอร์ด พื้นสมาร์ทบอร์ด ตลอดจนการประยุกต์ใช้ที่น่าสนใจ

ปัจจุบันมีวัสดุก่อสร้างหลากหลายให้เลือกใช้งาน โดยผ่านกระบวนการที่ทันสมัยทำให้วัสดุมีคุณภาพและได้มาตรฐาน >จึงสามารถนำมาใช้งานได้หลายประเภท อย่างแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ที่เรารู้จักกันก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่มีโครงสร้างพิเศษจากเทคโนโลยี FIRM & FLEX ซึ่งผสานโครงสร้างของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เอสซีจี ซิลิก้าและเส้นใยเซลลูโลสชนิดพิเศษ ผ่านกระบวนการอบไอน้ำที่อุณหภูมิสูงและแรงดันสูง (Autoclave) ปลอดภัย ไม่มีใยหิน เหนียว ทน จะนำมาใช้เป็นพื้น ฝ้า ผนัง หรือแผ่นปิดผิวตกแต่งได้อย่างมั่นใจ วันนี้หากใครยังนึกไม่ออกว่าแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี สามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง เรารวบรวมการใช้งานที่น่าสนใจ โดยจัดเป็น 9 ฟังก์ชันการใช้งาน มาให้ทุกคนได้ดูกัน

1) ฝ้าเพดาน

แผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี มีความเหนียว แข็งแรง ไม่เปราะ และติดตั้งง่าย สามารถนำมาใช้ทำเป็นฝ้าเพดานได้ทั้งภายในและภายนอก มีทั้งแบบเรียบ และแบบเซาะร่องเพิ่มดีไซน์ให้มีมิติ รวมถึงมีลายไม้ที่ให้อารมณ์ธรรมชาติ มีลายเสี้ยนชัดลึก แม้ทาสีแล้วยังคงเห็นลายเสี้ยนไม้ โดยความหนาของฝ้าสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี จะอยู่ที่ 3.5, 4 และ 6 มม.

ภาพ : ฝ้าเพดานที่ใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ดแบบเรียบและแบบเซาะร่อง

2) ฝ้าชายคาระบายอากาศ

สำหรับฝ้าชายคาระบายอากาศ เอสซีจี จะมีร่องหรือรูที่แผ่นฝ้า เพื่อช่วยระบายอากาศ ไม่กักเก็บความร้อนไว้ภายใต้โถงหลังคา ลดความร้อนที่เข้าสู่ภายในบ้าน ทำให้บ้านเย็นขึ้นได้ ซึ่งหากใครกังวลว่าจะมีแมลงแอบเข้าไปทำรัง ให้เลือกรุ่นที่มีตาข่ายไฟเบอร์กลาสสำเร็จรูป ช่วยป้องกันแมลงด้วย อย่างฝ้าสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่น โพรเทคชั่น

ภาพ : ฝ้าชายคาระบายอากาศ เอสซีจี รุ่นระบายอากาศ ช่วยระบายความร้อน ทำให้บ้านเย็น

3) ผนังเบา แผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับโครงเหล็กกัลวาไนซ์ หรือโครงเหล็กรูปพรรณ เป็นระบบผนังเบาที่มีความแข็งแรง ทนน้ำ น้ำหนักเบา ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก ติดตั้งและปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย งานเสร็จเร็ว สามารถทาสี หรือปิดผิวด้วยวัสดุต่างๆ ได้ เช่น กระเบื้อง ลามิเนต สำหรับผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ผิวเรียบ จะมีความหนา 8, 10 และ 12 มม.

ภาพ : ผนังสมาร์ทบอร์ดภายในติดตั้งเป็นผนังเบาแบบฉาบเรียบ

ภาพ : ผนังสมาร์ทบอร์ดภายในติดตั้งเป็นผนังเบาแบบเว้นร่อง ฉาบตกแต่งผิวด้วยปูนฉาบบางหรือสกิมโค้ท

4) ผนังตกแต่ง ลวดลาย นอกจากผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ผิวเรียบแล้ว ยังมีผนังตกแต่งที่มีลวดลายไม้ เป็นวัสดุทดแทนไม้ที่สวยให้อารมณ์ไม้จริง ด้วยลายเสี้ยนไม้ที่ชัดลึก สวยงามด้วยการเซาะร่องทุก 4 นิ้ว ให้ลักษณะคล้ายผนังไม้บังใบ ช่วยให้งานสวยประณีต ลดคราบสะสม ใช้ทำผนังตกแต่งทั้งภายในและภายนอก มีให้เลือก 2 รุ่น คือผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่น กรูฟ ความหนา 0.8 ซม. และผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่น รัสติค ความหนา 0.6 และ 0.8 ซม

ภาพ : ผนังตกแต่งจากแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี รุ่น รัสติค

5) ผนังกันเสียง สำหรับใครที่อยู่คอนโด ทาวน์เฮาส์ หรือทาวน์โฮม ที่มียูนิตติดกัน แล้วมีปัญหาเรื่องเสียงกวนใจ เราก็สามารถนำแผ่นสมาร์ทบอร์ดมาใช้แก้ปัญหาได้เช่นกันโดยใช้ร่วมกับวัสดุที่เป็นฉนวนกันเสียง อย่างวัสดุอะคูสติก เอสซีจี รุ่น Cylence Zoundblock โดยการติดตั้งโครงเหล็กกัลวาไนซ์ ใส่แผ่นฉนวนกันเสียงไว้ระหว่างโครง แล้วปิดด้วยผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ฉาบเรียบ แล้วทาสี จบงานง่าย สะดวกรวดเร็ว ไม่เลอะเทอะ สามารถช่วยลดทั้งเสียงรบกวนที่เดินทางผ่านอากาศ และลดแรงสั่นสะเทือนที่ผ่านโครงสร้าง จึงเหมาะในการป้องกันเสียงรบกวนผ่านผนังที่ต้องใช้ร่วมกับเพื่อนบ้าน

ภาพ : การทำผนังกันเสียงโดยใช้วัสดุอะคูสติก เอสซีจี รุ่น Cylence Zoundblock ร่วมกับผนังสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี

6) พื้น บ้านที่สร้างด้วยระบบโครงเบาอย่างโครงสร้างเหล็ก ที่ประกอบด้วยเสา คาน และตงเป็นโครงสร้างหลัก สามารถใช้พื้นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี นำมาติดตั้งบนตงเป็นระบบพื้นโครงเบาได้ โดยหากต้องการโชว์พื้นผิวของแผ่น ให้ทาด้วยสีรองพื้นปูนเก่า ก่อนทาด้วยสี EPOXY 2 รอบ (ตามคำแนะนำผู้ผลิต) เพื่อป้องกันผิวหน้าจากการขูดขีด หรือจะใช้วัสดุตกแต่งปิดทับก็ได้ เช่น ไม้พื้นลามิเนต, ไม้พื้นไวนิล, ไม้พื้น SPC, ปาร์เกต์, กระเบื้องเซรามิก, พรม ฯลฯ นอกจากนี้ ระบบพื้นโครงเบาที่ใช้พื้นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ยังเหมาะกับงานต่อเติมบ้าน งานปรับปรุงพื้นภายในบ้านเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ได้อีกมากมาย

ภาพ : ตัวอย่างบ้านที่สร้างด้วยโครงสร้างเหล็ก และปูด้วยพื้นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี

7) แผ่นรองพื้นปูกระเบื้อง พื้นวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์อย่างแผ่นสมาร์ทบอร์ด SCG นั้น สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย บางครั้งเราพบว่าพื้นเดิมที่จะทำการปูวัสดุอื่นๆ ทับ เช่น กระเบื้อง ไม้ลามิเนต ฯลฯ ไม่ได้ระดับ มีแอ่ง หรือเป็นคลื่น สามารถแก้ปัญหาได้โดยการปูแผ่นสมาร์ทบอร์ด เพื่อปรับระดับให้ผิวหน้าเรียบใช้งานง่ายก่อนปูวัสดุอื่นทับลงไป

ภาพ : การใช้งานแผ่นพื้นสมาร์ทบอร์ดปูปรับระดับก่อนติดตั้งกระเบื้อง/ไม้ลามิเนต

8) เคาน์เตอร์ครัวเบา เรามักเห็นบ่อยๆ ว่าการทำเคาน์เตอร์ครัวเบาด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา อย่างโครงไม้จริง หรือไม้อัดประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น MDB หรือไม้ปาร์ติเกิล ต้องระวังเรื่องความชื้นที่อาจทำให้เกิดความเสียหายหรือเป็นอาหารปลวกอย่างมาก หากเลี่ยงไปใช้วัสดุแผ่นประเภท Compact Laminate ที่มีความทนทาน ทนน้ำและความชื้นได้ดี ก็จะมีราคาค่อนข้างสูง แผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมีความแข็งแรง ทนทาน ทนชื้นได้ (โดยไม่แช่น้ำขัง) และเกิดเชื้อราน้อยมากเมื่อเทียบกับไม้ โดยควรเลือกแผ่นที่มีความหนา 1.6 ซม.ขึ้นไป ปูทับด้วยแผ่นหินแกรนิต, หินอ่อน หรือกระเบื้อง เป็นต้น เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย หากเป็นส่วนของชั้นวางที่รับน้ำหนักน้อย สามารถใช้แผ่นหนา 0.8 ซม. ก็ได้

ภาพ : ตัวอย่างเคาน์เตอร์ครัวเบาที่ใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี

9) ตู้เก็บของ/ชั้นวางของ และอื่นๆ แผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ยังสามารถนำไปทำอะไรได้อีกมากมาย เราอาจจะเคยเห็นชั้นวางของ หรือชั้นโชว์สินค้า และบางอย่างที่อาจนึกไม่ถึง เช่น ประตู รั้ว บ้านสัตว์เลี้ยง ป้ายโฆษณา ฯลฯ หรือแม้แต่การนำมาแก้ปัญหาอย่างใช้เป็นแผ่นปิดโพรงใต้บ้านกรณีที่บ้านทรุด

 

ภาพ : ตัวอย่างการนำแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ทำชั้นวางของ

ภาพ : การปิดโพรงใต้บ้าน โดยใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี

ตอบโจทย์กันบ้างมั้ย สำหรับ 9 ฟังก์ชันใช้สร้างบ้าน/ใช้งาน ด้วยแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี ที่เราได้รวบรวมมาให้ นอกจากจะเป็นวัสดุใช้สร้างบ้านแล้ว ยังใช้งานอื่นๆ ได้ด้วย