ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์คืออะไร ใช้งานในส่วนไหนได้บ้าง

รู้จักกับไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ วัสดุทดแทนไม้ที่นำมาตกแต่งใช้งานได้แทบจะทุกส่วนของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงานพื้น ผนัง ฝ้าเพดาน ระแนง รั้ว เชิงชาย อีกทั้งยังนำมาประยุกต์ตกแต่งได้มากมาย

“ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์” หนึ่งในวัสดุสำหรับตกแต่งบ้านที่สวยงาม ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนงานไม้ ดูแลง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกหรือแมลงมารบกวนใจ แต่ก่อนจะนำไปเลือกใช้ อยากให้ทำความรู้จักวัสดุนี้กันให้มากชึ้น ทั้งในเรื่องการผลิตและรูปแบบต่าง ๆ คุณสมบัติ การติดตั้ง ตลอดจนการใช้งานที่เหมาะสม

ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ แข็งแรง เหนียว ทน ปลวกไม่กิน ไม้เทียมวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ ผลิตจาก “ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ผสมกับซิลิก้าบริสุทธิ์” และ “เส้นใยเซลลูโลสคุณภาพสูง” นำมาผ่านการอบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้ได้ทั้งความแข็งแรงและความเหนียว ทนทานต่อแดด ทนฝน แรงกระแทก และด้วยส่วนผสมที่ไม่มีเนื้อไม้ปนอยู่ จึงไม่เป็นอาหารของปลวก ดูแลรักษาง่ายกว่าไม้จริง กระบวนการผลิตไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์แบ่งได้เป็น 2 ระบบคือ ระบบ Hatschek และระบบ X-Trusion ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบผลิตภัณฑ์

1.ระบบ Hatschek เป็นการขึ้นรูปด้วยลูกอัดทีละรอบจนได้ความหนาที่ต้องการ ต้องใช้เส้นใยยาวซึ่งสามารถผลิตวัสดุแผ่นหน้ากว้างได้ รูปแบบวัสดุที่ได้จะเป็นแบบตันทั้งชิ้น

2.ระบบ X-Trusion ใช้แม่พิมพ์ขึ้นรูป โดยใช้เส้นใยสั้นพร้อมผสมสารพิเศษช่วยเรื่องการขึ้นรูป รูปแบบวัสดุที่ผลิตได้จะมีข้อจำกัดเรื่องหน้ากว้าง แต่ได้เปรียบเรื่องความสม่ำเสมอ ทั้งยังเล่นระดับสูงต่ำของผิวหน้าได้มากจึงขึ้นรูปได้หลากหลาย เล่นลูกเล่นได้มากกว่า

ภาพ: ตัวอย่างรูปแบบวัสดุที่ขึ้นรูปด้วยระบบ Hatschek เช่น พื้นตกแต่ง เอสซีจี รุ่นเซฟเวอร์, พื้นตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ที-คลิปชิลด์, ไม้ฝา เอสซีจี, ไม้รั้ว เอสซีจี และไม้ระแนง เอสซีจี

ภาพ: ตัวอย่างวัสดุที่ขึ้นรูปด้วยระบบ X-Trusion เช่น วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นซี-ชาแนล, วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นบัวผนัง, ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นโมดิน่า และไม้เชิงชาย เอสซีจี วันพีซ

ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์มีผิวเรียบและผิวลายไม้เลียนแบบลายไม้ธรรมชาติ ผิวสัมผัสของไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ สามารถทำให้ใกล้เคียงลายไม้จริงตามธรรมชาติได้ โดยมีให้เลือกทั้งผิวเรียบและผิวลายไม้ ทั้งยังมีหลายสีให้เลือกใช้หรือทาสีต่าง ๆ ได้ การติดตั้งจะยึดไม้เทียมด้วยสกรู (ตะปูเกลียว) เข้ากับโครงสร้างตามลักษณะการใช้งาน เช่น ยึดกับตง ยึดกับโครงคร่าว (ต่างกับการติดตั้งไม้จริงที่สามารถใช้ตะปูตอกได้ในกรณีที่มีโครงสร้างเป็นไม้) โดยโครงสร้างที่ว่านี้ ต้องเป็นวัสดุที่แข็งแรง ได้มาตรฐาน และติดตั้งตามระยะที่คู่มือกำหนด

ภาพ: ผิวสัมผัสของไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ มีให้เลือกทั้งผิวเรียบและผิวลายไม้ มีหลายสีให้เลือกใช้

มีให้เลือกทั้งแบบสีรองพื้น สีซีเมนต์ และแบบสีสำเร็จจากโรงงาน ผลิตภัณฑ์ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ จะมีการเคลือบสีน้ำอะคริลิกด้วยระบบพ่นสีจากโรงงาน ที่สามารถนำไปใช้งานได้โดยไม่ต้องทาสีทับ (มีเพียงงานเก็บสีบริเวณหัวสกรู หรือขอบรอยต่อ/รอยตัดเล็กน้อย) โดยมีเฉดสีต่าง ๆ ในโทนสีไม้ให้เลือกมากมาย แต่หากต้องการทาสีตกแต่งเองสามารถเลือกไม้เทียมรุ่นสีซีเมนต์หรือรุ่นสีรองพื้น เพื่อนำไปทาด้วยสีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือสีทาไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์โดยเฉพาะได้ตามต้องการ *แนะนำให้ศึกษาการทาสีและการเก็บงานหัวสกรูหรือการซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดได้จากคู่มือการติดตั้ง

ภาพ: ตัวอย่างไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์รุ่นสีซีเมนต์ และรุ่นสีรองพื้นครีม

ภาพ: ตัวอย่างไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์รุ่นสีสำเร็จจากโรงงาน

เหมาะสำหรับงานตกแต่งได้แทบทุกส่วนของบ้าน แต่ไม่เหมาะกับงานโครงสร้าง ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ถูกออกแบบมาให้ใช้สำหรับงานตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของบ้านหรืออาคารได้หลายส่วน ตั้งแต่งานพื้น ฝาผนัง ฝ้า ระแนง รั้ว และไม้ตกแต่งต่างๆ แต่ไม่สามารถนำไปใช้เป็นส่วนของโครงสร้างอย่าง คาน ตง จันทัน แป ฯลฯ ได้เหมือนกับการใช้งานไม้เนื้อแข็ง ดังนั้น จึงควรใช้งานและติดตั้งตามคู่มือที่ผู้ผลิตแนะนำเท่านั้น ทั้งนี้ จะขอยกตัวอย่างไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ เอสซีจี แต่ละรุ่น แต่ละขนาดความหนาที่เหมาะกับการใช้งานต่าง ๆ ดังนี้

  • ไม้พื้น เอสซีจี หนา 25 มม. เหมาะกับงานตกแต่งพื้นระเบียง ชานนั่งเล่นนอกบ้าน รวมถึงพื้นรอบสระว่ายน้ำ
  • ไม้ฝา เอสซีจี หนา 8 มม. เหมาะกับงานตกแต่งผนังทั้งภายในและภายนอกบ้าน
  • ไม้บังตา เอสซีจี หนา 12 มม. เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังแดด แผงบังตา
  • ไม้รั้ว เอสซีจี มีความหนา 3 ขนาด คือ 12, 16 และ18 มม. เหมาะกับใช้ทำระแนงรั้ว แผงบังแดด และแผงบังตา
  • ไม้ระแนง เอสซีจี หนา 8 มม. ใช้สำหรับทำระแนงฝ้าชายคา
  • ไม้ตกแต่งเอสซีจี รุ่นไลน์ ขนาดหน้าตัด 1 x 2 นิ้ว เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังตา แผงบังแดด หรือระแนงตกแต่งผนัง
  • ไม้เชิงชาย เอสซีจี มีความหนาตั้งแต่ 16, 18 และ 24 มม. เหมาะสำหรับงานไม้เชิงชายโดยเฉพาะ

ภาพ: ไม้พื้น เอสซีจี เหมาะกับงานตกแต่งพื้นระเบียง ชานนั่งเล่นนอกบ้าน รวมถึงพื้นรอบสระว่ายน้ำ

ภาพ: ไม้ฝา เอสซีจี เหมาะกับงานตกแต่งผนังทั้งภายในและภายนอกบ้าน

ภาพ: ไม้บังตา เอสซีจี เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังแดด แผงบังตา

ภาพ: ไม้รั้ว เอสซีจี เหมาะกับใช้ทำระแนงรั้ว แผงบังแดด และแผงบังตา

ภาพ: ไม้ระแนง เอสซีจี ใช้สำหรับทำระแนงฝ้าชายคา หรือตกแต่งใต้หลังคากันสาดโปร่งแสง

ภาพ: ไม้ตกแต่งเอสซีจี รุ่นไลน์ ขนาดหน้าตัด 1 x 2 นิ้ว เหมาะกับใช้ทำระแนงแผงบังตา แผงบังแดด หรือระแนงตกแต่งผนัง

ภาพ: ไม้เชิงชาย เอสซีจี เหมาะสำหรับงานไม้เชิงชายโดยเฉพาะ

นอกจากไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ใช้ทดแทนไม้ในส่วนต่างๆ ของบ้านแล้ว ยังมีวัสดุตกแต่งรูปแบบอื่นที่ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามหรือทดแทนวัสดุอื่นอีก เช่น

  • วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นซี-ชาแนล ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ แทนการใช้เหล็ก C-Channel
  • วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นบัวผนัง ตกแต่งเพิ่มมิติให้กรอบประตู-หน้าต่าง หรือประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มลูกเล่นและความสวยงาม
  • ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นโมดิน่า เพิ่มมิติให้ผนังดูน่าสนใจมากขึ้น

ภาพ: วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นซี-ชาแนล ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ แทนการใช้เหล็ก C-Channel

ภาพ: วัสดุตกแต่ง เอสซีจี รุ่นบัวผนัง ตกแต่งเพิ่มมิติให้กรอบประตู-หน้าต่าง หรือประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มลูกเล่นและความสวยงามให้งานผนัง รั้ว หรือฟาซาดอาคาร

ภาพ: ผนังตกแต่ง เอสซีจี รุ่นโมดิน่า เพิ่มมิติให้ผนังดูน่าสนใจมากขึ้น

ภาพ: แสดงการใช้งานของไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ได้แทบทุกส่วนของบ้าน

ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ มีคุณสมบัติต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีราคาถูกกว่าไม้จริง ดูแลรักษาง่ายกว่า ไม่ต้องทาน้ำยารักษาเนื้อไม้เป็นประจำเหมือนการใช้ไม้จริง ในเรื่องอายุการใช้งานยาวนานไม่น้อยกว่า 10 ปีขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อม ทั้งนี้หากเกิดความเสียหายบนพื้นผิวไม้เทียม อาจจะทำให้เห็นเนื้อวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ภายในที่เป็นคนละสีกับผิวไม้ (สามารถซ่อมแซมตกแต่งผิวได้) รวมถึงมีข้อจำกัดเรื่องขนาดและความยาวซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละราย

กระเบื้องพอร์ซเลนกับแกรนิตโต้ต่างกันอย่างไร ใช้ในงานอินทีเรียส่วนใดได้บ้าง

กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ เป็นวัสดุกรุพื้นผนังที่ทนทานและมีลวดลายหลากหลาย สามารถนำไปใช้กับพื้นที่หลายประเภท บทความนี้จึงขอแชร์แนวทางการตกแต่งภายในด้วยกระเบื้องสองประเภทนี้ในงานอินทีเรียส่วนต่างๆ

กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้คืออะไร ต่างกันอย่างไร กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tile) และกระเบื้องแกรนิตโต้ (Granito Tile) คือกระเบื้องเซรามิกประเภทหนึ่ง เผาด้วยความร้อนสูง มีความแข็งแรงทนทานกว่ากระเบื้องดินเผาทั่วไป มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ จึงสามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน ความแตกต่างของกระเบื้องสองชนิดนี้ ข้อแรกคือส่วนผสมของวัสดุ กระเบื้องพอร์ซเลนจะผลิตจากดินขาวเป็นหลัก ทำให้เนื้อกระเบื้องแน่นละเอียดและรูพรุนน้อย ส่วนกระเบื้องแกรนิตโต้จะมีผงหินแกรนิตผสม ทำให้มีความแข็งคล้ายหินแกรนิต โดยกระเบื้องทั้งสองประเภทนี้มีความแข็งแรงทนทานใกล้เคียงกัน ข้อสองคือ เนื้อกระเบื้องและผิวหน้าของรุ่นแกรนิตโต้จะเป็นเนื้อเดียวกัน เวลากะเทาะจึงสังเกตเห็นได้ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นสีเรียบ หรือเฉดสีธรรมชาติของวัสดุ เช่น หิน ปูน ส่วนพอร์ซเลนจะมีลวดลายหลากหลายกว่า เช่น ลายไม้หรือลายพิมพ์อื่น ๆ เนื้อกระเบื้องมีทั้งแบบใกล้เคียงผิวหน้าและแบบต่างกับผิวหน้า ถ้ากะเทาะจะสังเกตเห็นง่ายกว่าแกรนิตโต้ โดยทั้งสองประเภทจะมีการทำผิวหน้าแบบหยาบ แบบเงา และกึ่งเงาได้เหมือนกัน

กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ใช้ในงานตกแต่งภายในส่วนใดได้บ้าง ในส่วนของงานอินทีเรียนั้น สามารถนำกระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ไปประยุกต์ใช้ได้เกือบทุกส่วน เพียงแค่ต้องเลือกสรรให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานในแต่ละพื้นที่

ภาพ: พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายไม้ในห้องนั่งเล่น

ภาพ: พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนในห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ถือเป็นจุดแรกที่สะท้อนสไตล์การตกแต่งที่สำคัญ การเลือกกระเบื้องก็ควรจะเชื่อมโยงกับงานอินทีเรียโดยรวม หากโทนหลักของบ้านเป็นการตกแต่งแนวลอฟต์หรืออินดัสเทรียล ก็อาจเลือกใช้กระเบื้องลายปูนหรือกระเบื้องลายไม้ที่มีกลิ่นอายกลมกลืนกัน ตรงกันข้าม…หากสไตล์หลักของบ้านคือโมเดิร์นมินิมอล เน้นความโปร่งโล่งสบายตา ก็อาจเลือกใช้กระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวหรือสีโทนอ่อนอื่น ๆ แทน จุดเด่นอย่างหนึ่งของกระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ก็คือมีลายสวยงามเหมือนหินธรรมชาติให้เลือกเยอะ ให้ความความหรูหราในราคาที่ถูกกว่าการใช้หินจริง

ภาพ: พื้นกระเบื้องพอร์ชเลนลายไม้ภายในห้องนอน

ห้องนอน ควรเสริมบรรยากาศที่นุ่มนวลผ่อนคลายมากกว่าห้องนั่งเล่น ไม่มีกฎเกณฑ์ในการเลือกตายตัว แต่ไม่ควรเลือกผิวกระเบื้องที่มันวาวมาก เพราะอาจสะท้อนแสงหลอดไฟจ้าตาในเวลากลางคืนได้ ด้านพื้นสัมผัสก็ไม่ควรเลือกแบบที่มี Texture หยาบกระด้างเกินไป เพราะอาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายเท้าเวลาเหยียบ

ภาพ: พื้นและผนังกระเบื้องแกรนิตโต้ภายในห้องน้ำ

ห้องน้ำ เนื่องจากกระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ในงานตกแต่งห้องน้ำ ทั้งการปูพื้นและผนัง สามารถเลือกใช้เป็นลายและสีเดียวกันหรือต่างกันก็ได้ มีข้อควรระวังสำหรับกระเบื้องพื้นในส่วนเปียก เช่น ห้องชาวเวอร์ ไม่ควรเรียบและเงาเกินไป เพราะเมื่อโดนน้ำจะลื่นได้ง่าย ควรเลือกผิวสัมผัสที่หยาบหน่อยเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน

ภาพ: พื้นและผนังกระเบื้องแกรนิตโต้ลาย Terrazzo

ภาพ: พื้นกระเบื้องพอร์ชเลนลายไม้ในห้องครัว

ภาพ: ท็อปเคาน์เตอร์กระเบื้องเซรามิกขนาดใหญ่พิเศษ GRANDE COLLECTION จาก COTTO

ห้องครัว เป็นส่วนที่นิยมปูกระเบื้องพื้นอยู่แล้ว เพราะทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะเหมือนวัสดุประเภทอื่น การเลือกใช้กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้จึงเป็นการเพิ่มความทนทาน เพราะรับน้ำหนักได้ดีกว่าและทนต่อรอยขูดขีด นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการผลิตกระเบื้องแผ่นใหญ่ ที่สามารถประยุกต์นำมาทำท็อปเคาน์เตอร์ได้ด้วย

ภาพ: การแบ่งลายกระเบื้องตามพื้นที่ใช้สอย

ภาพ: การแบ่งลายกระเบื้องตามพื้นที่ใช้สอย

พื้นที่ที่มีหลายฟังก์ชันเชื่อมต่อกัน เช่น ห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับส่วนเตรียมอาหาร หรือห้องนอนที่เชื่อมต่อกับส่วนแต่งตัวโดยไม่มีประตูกั้น สามารถดีไซน์แบ่งลายกระเบื้องเพื่อแบ่งสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยให้ชัดเจนขึ้น ทั้งยังเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้มีความน่าสนใจ ด้วยการต่อลายกระเบื้องที่แตกต่างกัน เช่น กระเบื้องลายไม้ต่อกับกระเบื้องลายหิน ข้อดีคือไม่จำเป็นต้องมีคิ้วกั้นรอยต่อวัสดุหมือนกับการปูไม้ต่อกับหินจริง ๆ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากลง กระเบื้องพอร์ซเลนและแกรนิตโต้ถือว่าเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ทั้งความสวยงาม ทนทาน และความคุ้มค่า ใช้ได้กับพื้นที่เกือบทุกส่วน ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมสูง แต่เนื่องจากเนื้อกระเบื้องมีความแข็งมาก ไม่เหมาะกับการตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพราะอาจทำให้กระเบื้องแตกได้ ดังนั้นควรประเมินผังการปูกระเบื้องให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ SCG คุ้มไหม…ไฟก็ฟรี ขายคืนภาครัฐก็ได้ ?

ทำความรู้จักหลังคาโซลาร์เซลล์ระบบต่างๆ และแนวคิดในการพิจารณาติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม คุ้มค่า

จะดีแค่ไหน ถ้าแดดอันแสนร้อนแรงจะถูกแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ในเมื่อบ้านเราเป็นเมืองร้อนแดดแรงไม่ปราณีใคร ก็น่าจะได้ไฟใช้ฟรีกันง่ายๆ แถมถ้าเหลือยังขายไฟคืนภาครัฐได้เงินใช้อีก มองแบบนี้มีแต่คุ้มกับคุ้มติดต่อ SCGHOME.COM มาสำรวจหน้างานเพื่อเตรียมติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ SCG กันเลยดีหรือไม่ ? วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กระจ่างกัน

ทำความรู้จักระบบหลังคาโซลาร์เซลล์กันก่อน โดยทั่วไปการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน จะมีอยู่ 3 ระบบ ดังนี้

  1. โซลาร์เซลล์ระบบ Off-Grid พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากแสงอาทิตย์จะส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยไม่มีการเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า หากปราศจากแสงอาทิตย์ก็จะไม่มีไฟฟ้าใช้ (เว้นแต่จะมีแบตเตอรีไว้สำรองไฟ) เหมาะกับบ้านในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งระบบของการไฟฟ้าเชื่อมต่อไม่ถึง
  2. โซลาร์เซลล์ระบบ On-Grid เหมาะกับบ้านทั่วไปที่มีการเชื่อมต่อกับระบบของการไฟฟ้าอยู่แล้ว โดยในเวลากลางวัน เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจะนำไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์มาใช้ แต่เมื่อถึงเวลาที่แสงอาทิตย์โดนบดบัง หรือในเวลากลางคืน ระบบจะนำเอาไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้แทน
  3. โซลาร์เซลล์ระบบ Hybrid มีการเชื่อมต่อกับระบบของการไฟฟ้า เช่นเดียวกับระบบ On Grid เพียงแต่จะมีแบตเตอรีเป็นอุปกรณ์เสริม กรณีไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์เซลล์มีเกินกว่าความต้องการใช้งาน ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปเก็บไว้ในแบตเตอรีเพื่อสำรองไว้ใช้ในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เหมาะกับบ้านที่มีปัญหาไฟดับบ่อย เช่น หัวเมืองที่ขยายตัวรวดเร็วจนการไฟฟ้าจ่ายไฟได้ไม่สม่ำเสมอ แบตเตอรีสำรองจะช่วยจ่ายไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์จำเป็นเพื่อให้สามารถใช้งานได้แม้ขณะไฟดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลากลางคืน

ภาพ: เปรียบเทียบหลักการทำงานของระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ ทั้ง 3 ระบบ

แล้วบ้านเราติดหลังคาโซลาร์เซลล์ แบบไหนถึงจะคุ้ม หากเป็นบ้านทั่วไปที่ใช้ไฟจากการไฟฟ้าได้ตามปกติอยู่แล้ว จะเหมาะกับหลังคาโซลาร์เซลล์ระบบ On Grid แต่ข้อสำคัญคือ ควรจะมีการใช้ไฟในช่วงกลางวันในปริมาณมาก (มีการเปิดแอร์อย่างน้อย 1 ตัว) และค่าไฟเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บ. จึงจะคุ้มค่ากับการลงทุนติดตั้งระบบ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาคืนทุน ประมาณ 7-10 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า (ดูรายละเอียดและดาวน์โหลดตารางแพ็กเกจ “หลังคาโซลาร์เซลล์ SCG” คลิก) ส่วนใครที่มองว่า ติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ทั้งที เลือกระบบ Hybrid น่าจะคุ้มกว่า จะได้สำรองไฟไว้ในแบตเตอรีเผื่อใช้งานตอนกลางคืนด้วย ช่วยประหยัดค่าไฟได้เพิ่มขึ้นอีก ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแบตเตอรีในปัจจุบัน (พ.ศ. 2565) ยังคงมีราคาสูง พอมาเทียบกันแล้ว การใช้ไฟจากการไฟฟ้าภาครัฐในเวลากลางคืนดูจะคุ้มค่ากว่า เพราะแบตเตอรียิ่งใช้งานมากยิ่งเสื่อมเร็ว ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอาจไม่คุ้ม ดังนั้น การใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรีของระบบ Hybrid จะเหมาะกับการสำรองไฟไว้ใช้ในยามฉุกเฉินสำหรับบ้านที่ปัญหาไฟดับบ่อยๆ ดังที่เล่าไปในตอนต้น

ภาพ: ตัวอย่างแบตเตอรีสำรองไฟ ของหลังคาโซลาร์เซลล์ระบบ Hybrid

ขายไฟคืนภาครัฐได้ ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าอีกทางจริงหรือไม่  หากโซลาร์เซลล์ผลิตไฟเกินปริมาณที่เราใช้ในเวลาก็สามารถขายคืนภาครัฐได้ โดยเงื่อนไขการรับซื้อคืนในแต่ละปี จะเป็นไปตามประกาศจากการไฟฟ้าภาครัฐ ซึ่งต้องตรวจสอบเป็นระยะ แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคาต่อหน่วยที่การไฟฟ้าภาครัฐรับซื้อคืน จะต่ำกว่าราคาค่าไฟจากการไฟฟ้าที่เราจ่ายกันตามปกติ และสำหรับปี พ.ศ. 2565 การไฟฟ้าจะรับซื้อคืนเฉพาะโซลาร์เซลล์ระบบ On Grid เท่านั้น ทั้งนี้ การขายไฟฟ้าคืนภาครัฐเป็นเพียง “ผลพลอยได้” แต่ไม่ใช่ปัจจัยที่จะนำมาพิจารณาความคุ้มค่าในการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ เพราะโดยหลักแล้วการติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้คุ้มค่าที่สุด ก็คือ การนำแสงอาทิตย์ ณ ช่วงเวลานั้นๆ มาแปลงเป็นพลังงานใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีเพื่อทดแทนการใช้ไฟจากการไฟฟ้าภาครัฐในตอนกลางวันให้ได้มากที่สุด ดังนั้น บ้านที่ติดตั้งหลังคาควรมีการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันเป็นปริมาณมาก เช่น เปิดแอร์เป็นเวลานาน ส่วนในเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน แนะนำให้ใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าภาครัฐตามตามปกติ (กรณีมีแบตเตอรี ควรใช้เพื่อสำรองเวลาไฟดับเท่านั้น)

ภาพ: ตัวอย่างการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ เอสซีจี (SCG Solar Roof)

 

เคล็ดลับติดตั้งฝ้าให้กู้ดจ๊อบแบบช่างตัวท็อป

หลักการติดตั้งฝ้าให้แข็งแรงสวยงาม ตั้งแต่การเลือกวัสดุโครงคร่าวฝ้าเพดานที่ได้มาตรฐาน การยึดฝ้าและตกแต่งรอยต่อ รอยหัวสกรู การฉาบ ทาสี รวมถึงการตกแต่งขอบฝ้าด้วยบัว

จุดประสงค์หลักของฝ้าเพดานคือต้องการปกปิดงานระบบต่าง ๆ ที่ยุ่งเหยิงภายใต้หลังคาและใช้เป็นพื้นที่รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งส่วนของฝ้าเพดานเองก็จำเป็นจะต้องมีความสวยงามเช่นกัน เพราะเป็นจุดที่กว้างและสามารถมองเห็นได้ทั้งบ้าน ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้กับ “เคล็ดวิชาติดตั้งฝ้าให้กู้ดจ๊อบแบบช่างตัวท็อป” มีอะไรบ้างไปดูกัน!

1) วัสดุโครงคร่าวฝ้าเพดานต้องได้มาตรฐาน จุดสำคัญของการติดตั้งงานโครงคร่าวฝ้าเพดานคือวัสดุที่ใช้ทำโครงคร่าวฝ้าต้องมีความแข็งแรง ทนทาน ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ทนต่อการเกิดสนิม และได้มาตรฐานทุกชิ้น ติดตั้งในระยะความถี่เพียงพอที่จะไม่ส่งผลให้เกิดการแอ่น

ภาพ: โครงคร่าว TOPSTEEL ได้รับการออกแบบและทดสอบโดยคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัย แข็งแรงทนทาน ได้มาตฐาน ทนต่อการเกิดสนิม เหมาะสำหรับฝ้าเพดานฉาบเรียบทุกพื้นที่ เช่น บ้านพักอาศัย ห้องพัก พื้นที่สาธารณะในอาคาร พื้นที่ฝ้าเพดานผืนใหญ่ ฝ้าทางเดิน ฝ้าชายคา โรงจอดรถ

2) หัวสกรูต้องเรียบไปกับแผ่นฝ้า ไม่ควรใช้การยิงรีเวท (Rivet) เป็นตัวยึดฝ้าเพราะลูกรีเวทจะไม่ยุบลงไป เวลาเก็บงานต้องทำหลายขั้นตอน จึงควรใช้สกรูยิงยึด เพราะสามารถยิงให้หัวสกรูจมลึกลงไปในแผ่นฝ้าโดยไม่มีหัวสกรูโผล่ขึ้นมาได้ แผ่นฝ้าจะเรียบเสมอกันและยังง่ายต่อการเก็บงานฉาบรอยต่อและทาสี

3) โป๊วปิดรอยสกรูให้เรียบ หัวสกรูที่จมลงไปจะทำให้เกิดหลุม ถ้าอุดโป๊วไม่ดีจะทำให้เห็นหลุมและอาจเกิดรอยร้าวได้ วิธีการเก็บรูหัวสกรูให้เรียบร้อย สามารถใช้ปูนฉาบสกิมโค้ทที่มีคุณสมบัติขัดเก็บงานได้ง่ายหลังแห้ง หรือวัสดุอุดโป๊วชนิดอื่น ๆ ที่เนื้อผิวไม่ยุบตัว ไม่แตกหรือหลุดล่อน ขัดง่ายและทาสีทับได้

ภาพ: ปิดรอยต่อของแผ่นฝ้า

4) ใช้เทปปิดรอยต่อของแผ่นฝ้าเพดาน การฉาบโป๊วรอยต่อเพียงอย่างเดียวจะได้ผลดีในระยะสั้นเท่านั้น เมื่อผ่านการใช้งานไปนานวัน รอยโป๊วระหว่างรอยต่อจะเกิดการแตกตัว ส่งผลให้ฝ้าเพดานเกิดเส้นรอยต่อขึ้นภายหลัง จึงต้องมีการปิดรอยต่อระหว่างแผ่นด้วยผ้าเทป จากนั้นฉาบรอยต่อแผ่นด้วยปูนฉาบเป็นรอบที่ 2 หากยังเห็นเทปอยู่ก็ฉาบทับรอบที่ 3 วิธีนี้เป็นหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยปกปิดรอยต่อฝ้าเพดานได้เรียบสนิท

5) ฉาบให้เรียบขัดให้เนียน ปกติช่างทำฝ้าก็จะใช้ปูนยิปซัมฉาบปิดรอยต่อฝ้าเพดานทุกแนวรวมทั้งรอยหัวสกรูที่ยิงยึดฝ้า หลังจากฉาบเสร็จต้องปล่อยให้แห้งอย่างน้อย 1 วัน แล้วจึงใช้กระดาษทรายขัดแต่งรอยปูนยิปซัมให้เรียบเนียนที่สุดก่อนที่จะทาสีทับฝ้าเพดาน

6) ใช้สีสำหรับฝ้าเพดาน สีทาฝ้าเพดานมีแยกเฉพาะต่างหาก หากสังเกตที่กระป๋องสีจะระบุว่าเป็นสีสำหรับทาฝ้าเพดาน หรือมีภาษาอังกฤษคำว่า Ceiling เขียนอยู่ ช่วยพรางตาปกปิดรอยต่อของฝ้าเพดานได้ดี ทําให้ฝ้าเพดานดูเรียบเนียนเป็นผืนเดียวกัน ไม่เห็นเป็นคลื่น

7) ปิดขอบฝ้าด้วยบัวฝ้าเพดาน การติดตั้งบัวฝ้าเพดานบริเวณขอบฝ้าอีกชั้น นอกจากจะช่วยให้เส้นสายฝ้าเพดานเรียบสวยขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การปัดกวาดทำความสะอาดภายหลังง่ายขึ้นอีกด้วย

ภาพ: บัวฝ้าเพดาน

จะเห็นว่า การติดตั้งฝ้าเพดานมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องใส่ใจ ทั้งการยึด การตกแต่งรอยต่อ การฉาบ รวมไปถึงการตกแต่งบัวเพื่อให้ดูสวยงาม ทำความสะอาดง่าย อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจก็คือ การเลือกใช้โครงคร่าวฝ้าเพดานที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน คงทนแข็งแรง ไม่ตกท้องช้าง เพื่อความปลอดภัยและส

ภาพ: โครงคร่าว TOPSTEEL

4 วิธีป้องกันและฆ่าเชื้อในบ้าน ให้สบายใจห่างไกลเชื้อโรค

แนะแนวทางห่างไกลเชื้อโรค กับการฆ่าเชื้อในบ้านด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ การอบโอโซน การดูดไรฝุ่น ไปจนถึงการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าบ้านโดยใช้ระบบปรับคุณภาพอากาศอย่าง Active Air Quality

วลีที่มักพูดกันติดปากว่า “สมัยนี้เชื้อโรคมันเยอะ” อาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อลดความเสี่ยงที่คนในครอบครัวจะโดนเชื้อโรคเล่นงานจนเจ็บป่วย SCG Home จึงขอนำเสนอทั้งวิธีกำจัดและป้องกันเชื้อโรคในบ้าน มาให้เจ้าของบ้านทำความเข้าใจก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้แนวทางใดแนวทางหนึ่ง

1) การฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบ้าน เป็นการใช้น้ำยาที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคมาฉีดพ่นทั่วพื้นที่บ้าน บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อหลักๆ จะมีทั้ง “แบบละอองน้ำยา” กับอีกแบบคือ “พ่นควันฆ่าเชื้อ” (Fogging) หากเทียบในภาพรวม การพ่นควันฆ่าเชื้อจะไม่สร้างความชื้นในอากาศ มักเข้าถึงทุกซอกมุมได้ดีกว่าแบบละอองน้ำยา แต่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

ภาพ: ตัวอย่างบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบ้านแบบละอองน้ำยา

ทั้งนี้ ผู้ให้บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อแต่ละแห่งอาจใช้น้ำยาที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ส่งผลต่อข้อจำกัด ชนิดของเชื้อโรคและระยะเวลาที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้หลังฉีดพ่น รวมไปถึงความสะดวกในเตรียมตัวก่อนหลังรับบริการ ยกตัวอย่าง การพ่นควันฆ่าเชื้อที่ใช้น้ำยาระดับ Food Grade บางชนิด ก่อนฉีดพ่นไม่จำเป็นต้องเก็บหรือคลุมสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าราคาแพง ทั้งยังสามารถเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ได้ และไม่ต้องเช็ดพื้นผิวหลังฉีดพ่น (แต่หากละอองน้ำยาโดนจานชาม แม้ทานเข้าไปจะไม่อันตราย แต่ก็ควรล้างก่อนใช้เพื่อไม่ให้รสชาติอาหารเปลี่ยน)

2) การอบโอโซนฆ่าเชื้อในบ้าน หลักการทำงาน คือ ใช้เครื่องมือที่ทำให้เกิดโอโซน (O3) ในอากาศ โดยอะตอมออกซิเจนตัวที่ 3 ของโอโซน จะทำการจับกับโมเลกุลของเชื้อโรค สารปนเปื้อน ต่างๆ และทำลายโครงสร้างของโมเลกุลเหล่านั้น จึงกำจัดได้ทั้งเชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอับเนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท กลิ่นจากสัตว์เลี้ยง ปัสสาวะ กลิ่นบุหรี่ เป็นการปรับสภาพอากาศในห้องให้บริสุทธิ์มากขึ้น

ภาพ: ตัวอย่างอุปกรณ์และบริการอบโอโซนฆ่าเชื้อ

3) การดูดไรฝุ่น ไรฝุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นคัน ภูมิแม้ มักแฝงอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าโดยเฉพาะที่นอน โซฟา และอาจรวมไปถึงพรม ผ้าม่านด้วย เจ้าของบ้านบางท่านอาจเคยซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นมาลงมือกำจัดด้วยตัวเอง ซึ่งก็อาจกำจัดได้เพียงส่วนน้อย เพราะการดูดไรฝุ่นเชิงลึกและกำจัดเชื้อโรค ฝุ่น สิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ฝังอยู่ให้สะอาดอย่างจริงจัง ต้องพึ่งวิธีการและอุปกรณ์ของมืออาชีพโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น

  • ไรฝุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นคัน ภูมิแม้ มักแฝงอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าโดยเฉพาะที่นอน โซฟา และอาจรวมไปถึงพรม ผ้าม่านด้วย เจ้าของบ้านบางท่านอาจเคยซื้อเครื่องดูดไรฝุ่นมาลงมือกำจัดด้วยตัวเอง ซึ่งก็อาจกำจัดได้เพียงส่วนน้อย เพราะการดูดไรฝุ่นเชิงลึกและกำจัดเชื้อโรค ฝุ่น สิ่งสกปรกอื่นๆ ที่ฝังอยู่ให้สะอาดอย่างจริงจัง ต้องพึ่งวิธีการและอุปกรณ์ของมืออาชีพโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น
  • การทำความสะอาดโซฟา โดยใช้โฟมหรือน้ำยาชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติจับกับไรฝุ่น สิ่งสกปรก คราบเปื้อน และทำให้ตกผลึกก่อนจะใช้แปรงปัดออก
  • การทำความสะอาดม่านและพรม ด้วยเครื่องเก็บฝุ่นระบบน้ำและผงทำความสะอาดชนิดพิเศษที่สามารถซึมซับสิ่งสกปรก จากนั้นจึงใช้แปรงปัดออก

ภาพ: ตัวอย่างบริการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคและดูดไรฝุ่นที่นอน โซฟา พรม และม่าน โดยมืออาชีพ

ภาพ: ตัวอย่างเปรียบเทียบปริมาณไรฝุ่น ก่อน (ซ้าย) และหลัง (ขวา) เมื่อใช้บริการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคและดูดไรฝุ่นที่นอนโดยมืออาชีพ

4) การกรองอากาศเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าบ้าน เป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรครวมถึงฝุ่นควันจากภายนอกเข้ามาในบ้านตั้งแต่แรก โดยผ่านระบบที่มีอุปกรณ์กรอง ยกตัวอย่างเช่น “ระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน SCG Active Quality” ที่ใช้หลักการคือ นำอากาศจากภายนอกมาผ่านเครื่องกรองอากาศเพื่อให้ได้อากาศดี (ที่ปราศจากเชื้อโรค ฝุ่น ควัน) ก่อนจะนำเข้าสู่ตัวบ้าน ในขณะเดียวกันอากาศดีที่เข้ามาก็จะดันเอาอากาศเสียในบ้านออกไป อากาศจึงถ่ายเทได้ตลอดขณะที่บ้านปิดมิดชิด ช่วยลดความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค และยังเป็นการเพิ่มออกซิเจนในบ้านด้วย

ภาพ: หลักการทำงานของระบบปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน SCG Active Air Quality ที่มีอุปกรณ์กรองอากาศให้ปราศจากฝุ่นและเชื้อโรคก่อน จึงค่อยนำอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในบ้าน

แม้เราจะกังวลกันว่าสมัยนี้เชื้อโรคมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็ยังสบายใจได้ว่าบรรดาผู้ให้บริการมืออาชีพต่างก็มีเทคโนโลยีพร้อมอุปกรณ์ทันสมัยมาตามป้องกันหรือกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งเจ้าของบ้านเอง ก็อาจหาอุปกรณ์ที่ช่วยฆ่าเชื้อในบ้านมาใช้งานเบื้องต้นได้ไม่ว่าจะเป็น ชุดอุปกรณ์กระจายน้ำหอมที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ พรมทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคพื้นรองเท้า เป็นต้น รวมไปถึงอุปกรณ์ยอดฮิตอย่างเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อโรคและฝุ่นได้แตกต่างกันไป

ภาพ: อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเรื่องการฆ่าเชื้อในบ้าน ได้แก่ พรมฆ่าเชื้อ (บน) ชุดอุปกรณ์กระจายน้ำหอมฆ่าเชื้อในบ้าน (ล่างซ้าย) และอุปกรณ์ที่ช่วยให้อากาศในบ้านบริสุทธิ์ขึ้นอย่างเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีความสามารถในการกำจัดฝุ่น เชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ได้แตกต่างกันไป